วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ดอกสารภี

ดอกสารภี
รักลารายล้อมสลับสี
ม่วงสนหมู่โศกสารภี
ลิ้นจี่ลำเจียกจิกจันทน์…"
วรรณคดี : "รามเกียรติ์"
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Ochrocarpus siamensis, T. And.
ชื่อสามัญ : Negkassar
ชื่อวงศ์ : Guttiferae
สารภีเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ ๕ - ๑๐ เมตร มีอายุยืน ทรวดทรงของลำต้นตั้งตรง เรือนพุ่มใบดกหนา สีเขียวเข้ม ส่วนยอดเป็นพุ่มแหลม พบขึ้นประปรายในป่าเบญจพรรณและป่าดิบทั่วประเทศ เนื้อไม้สีน้ำตาลแกมแดง เสี้ยนตรงสม่ำเสมอ และถี่ เนื้อละเอียด แข็ง ค่อนข้างทนทานใบหนาแข็ง มียางสีขาว ลักษณะเป็นรูปไข่ยาว ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม มีสีเขียวเข้มเป็นมัน พุ่มใบตก ไม่ผลัดใบ ผลกลมยาวคล้ายลูกมะกอก ผลสุกสีเหลืองอร่าม มีขนาดเล็กกว่าลูกปิงปอกเล็กน้อย เนื้อในนุ่ม รับประทานได้ เปลือกหนา เมล็ดในแข็ง การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง คุณค่าด้านสมุนไพร ใช้ดองปรุงเป็นยาหอมชูกำลัง บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท แก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย

ดอกพิกุล

ดอกพิกุล
ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า
อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา
สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน…"
วรรณคดี : "ขุนช้างขุนแผน"
ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Mimusope elengi, L.
ชื่อสามัญ : Bullet Wood
ชื่อวงศ์ : Sapotaceae
พิกุลเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง กิ่งก้านค่อนข้างแจ้ แบน คล้ายต้นหว้า มีพุ่มใบแน่น เหมาะสำหรับปลูกไว้บังแดดตอนบ่าย ดอกมีกลิ่นหอม ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม ปลายแหลมมน มีขนาดใบกว้างประมาณ ๗ ซ.ม. ยาวประมาณ ๑๕ ซ.ม. เส้นกลางใบด้านท้องใบนูน ก้านใบยาวประมาณ ๓ ซ.ม. ดอกออกเป็นช่อ เป็นกระจุก ดอกมีขนาดเล็กกว้างประมาณ ๑ ซ.ม. กลีบดอกเล็กแคบยาวเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มองดูริมดอกเป็นจักเล็ก ผลกลมโตคล้ายละมุดสีดา แต่เล็กกว่าเล็กน้อย ผลสุกสีแดงแสด ใช้รับประทานได้ รสฝาดหวานมัน การขยายพันธ์ ใช้เพาะเมล็ด หรือ ตอนกิ่ง ทางด้านสมุนไพร เปลือกใช้ต้มเอาน้ำอมเป็นยากลั้วล้างปาก แก้ปากเปื่อย ปวดฟัน ฟันโยกคลอน เหงือกบวม เป็นยาคุมธาตุ ดอกแห้งใช้ป่นทำยานัตถุ์ แก้ไข้ ปวดศรีษะ เจ็บคอ แก้ปวดตามร่างกาย แก้ร้อนใน เมล็ดตำละเอียดปั้นเป็นยาเม็ดสวนทวาร

ดอกแค

ดอกเเค
เกล็ดแก้วกันตราไตรตร่าง
ตะเคียนแคข่อยขานาง
ขวิดขวาดปริงปรางประยงค์…"
วรรณคดี : "รามเกียรติ์"
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Sesbania grandiflora, (L.) Poir.
ชื่อสามัญ : Sesban
ชื่อวงศ์ : Leguminosae
แคเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นเป็นพุ่ม ขึ้นได้ในดินทุกชนิดไม่ชอบน้ำขัง และปลูกได้ทุกฤดู เจริญเติบโตได้ดี โดยไม่ต้องการบำรุงรักษาแต่อย่างใดแต่ควรเอาใจใส่ระยะแรกปลูก ใบเป็นใบประกอบ แตกจากลำต้นเป็นแบบสลับ ประกอบด้วยใบย่อย ๑๐ - ๓๐ คู่ ใบย่อยแต่ละใบยาวไม่เท่ากัน มีขนาดยาวประมาณ ๓ - ๕ ซ.ม. กว้าง ๑๔ ม.ม. ตัวใบรูปขอบขนานเรียว ปลายใบมนหรือเว้ามีติ่งเล็กน้อย ผิวใบมีขนเล็กน้อย ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นช่อ ๒ - ๓ ดอก มีทั้งชนิดสีขาว และสีแดง แต่ละดอกยาวประมาณ ๔ - ๘ ซ.ม. ฝักมีลักษณะแบน ปลายฝักแหลม ยาวประมาณ ๒๐ - ๕๐ ซ.ม. กว้าง ๔ - ๙ ม.ม. ภายในมีเมล็ด ๑๕ - ๕๐ เมล็ด การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดปลูก สรรพคุณทางสมุนไพร ใช้เปลือกปิ้งไฟต้มกับน้ำปูนใส หรือน้ำดื่มแก้อาการท้องเดิน ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใบแก้ไข้เปลี่ยนฤดู

ดอกผักตบ

 ดอกผักตบ
บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้
บอนบางกอกดอกแสลง เหลือแล่ แม่เอย
บอนปากยากจแก้ ไม่สริ้นลิ้นบอน ฯ …"
วรรณคดี : "โคลงนิราศสุพรรณ"
ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Eichhornia crassipes, Solms.
ชื่อสามัญ : Water Hyacinth
ชื่อวงศ์ : Pontederiaceae
ชื่ออื่น ๆ : ผักบัวลอย ผักปอด ผักโป่ง สวะ ผักตบชวา
ผักตบเป็นพืชน้ำประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว ลอยน้ำได้ งอกงามได้โดยไม่ต้องมีที่ยึดเกาะ สามารถแพร่พันธุ์ได้รวดเร็วมาก จัดเป็นวัชพืชน้ำที่สร้างความเสียหายให้กับการชลประทาน การประมง การเกษตร การสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ เป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามในแง่ของประโยชน์ ผักตบสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ ใช้นำมาถักเป็นเครื่องเรือน ใช้แก้ปัญหาน้ำเสีย ใช้เป็นวัสดุในการเพาะเห็ดฟาง ใช้ผลิตก๊าซชีวภาพ ใช้ผลิตปุ๋ยหมัก ใบเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบคล้ายรูปหัวใจ เป็นมันหนา ก้านใบพองออกตรงช่วงกลาง ภายในมีลักษณะเป็นรูพรุน เนื้อฟ่าม ช่วยพยุงลำต้นให้ลอยน้ำได้ ดอกมีลักษณะเป็นช่อ ดอกย่อยแต่ละดอกมีสีฟ้าอมม่วงแกมเหลือง ไม่มีก้านช่อดอก ดอกมีกลีบ ๖ กลีบ ตอนที่ดอกยังไม่บานจะมีใบธงหุ้มอยู่ เมื่อดอกออกพ้นใบธงดอกจะบานทันที การขยายพันธุ์ ใช้ "ไหล" ที่แตกมาจากลำต้นแม่ หรือเมล็ด ด้านสมุนไพร ใช้แก้พิษภายในร่างกาย และขับลม ใช้ทาหรือพอกแก้แผลอักเสบ

ดอกดาวเรือง

ดอกดาวเรือง
กุหลาบกนาบทั้งสองทาง
เบงระมาดยี่สุ่นกาง
กลีบบานเพราเหล่าดาวเรือง ฯ
…" วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง " นิราศธารทองแดง"
ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ "เจ้าฟ้ากุ้ง"
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Tagetes spp.
ชื่อสามัญ : Marigolds ชื่อวงศ์ : Compositae
ชื่ออื่น ๆ : คำปู้จู้
ดาวเรืองเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นทรงพุ่มสูงประมาณ ๔ ฟุต ปลูกง่ายขึ้นในดินเกือบทุกชนิด ทนทานต่อความแห้งแล้ง ใบเป็นฝอย มีกลิ่นหอมฉุน ดาวเรืองที่พบเห็นและปลูกกันมากในปัจจุบันมี ๕ ชนิด คือ ๑. Tagetes erecta เป็นดาวเรืองชนิดต้นสูง ดอกใหญ่ ซ้อน ทรงดอกกลมโต พันธุ์ที่นิยมกันคือ เทตรา เบอร์พี พริมโรส เลมอนบอล ๒. Tagetes patula ลำต้นเตี้ย มีทั้งดอกซ้อนและไม่ซ้อน พันธุ์ที่นิยม คือ นอติมาเรียตตา บัฟเฟิลด์เรด ๓. Triploid marigolds เป็นลูกผสมระหว่าง ๒ ชนิดแรก ได้แก่พันธุ์นักเกท ๔. Tagetes tenuifolia pumila เป็นดาวเรืองชนิดพุ่มเตี้ย สูงประมาณ ๗ - ๑๐ นิ้ว ดอกกลีบชั้นเดียว มีขนาดเล็ก นิยมปลูกตามขอบแปลง หรือสวนหิน ๕. Tagets\es filifolia pumila เป็นดาวเรืองที่มีใบสวยงาม พุ่มต้นแน่นเหมาะสำหรับปลูกตามขอบแปลง การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ดแล้วย้ายปลูก สรรพคุณด้านสมุนไพร ใช้ดอกผสมกับข่าและสะค้าน รับประทานแก้ฝีลมที่มีอาการปวดในท้อง ต้นใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้จุดเสียดและปวดท้อง

ดอกซ่อนกลิ่น

ดอกซ่อนกลิ่น
ตาดว่าตาดพัสตรา หนุ่มเหน้า
สลาสิงเล่ห์ ซรองสลา นุชเทียบ ถวายฤๅ
สวาดิดังเรียมสวาดิเจ้า จากแล้วหลงครวญ ฯ …"
วรรณคดี : "ลิลิตตะเลงพ่าย"
ผู้ประพันธ์ : สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Polisanthes tuberosa, L.
ชื่อสามัญ : Tuberose
ชื่อวงศ์ : Amaryllidaceae
ชื่ออื่น ๆ : ซ่อนชู้
ซ่อนกลิ่นเป็นพันธุ์ไม้ที่มีหัวอยู่ในดิน ใบสีเขียวสดเรียวยาวมีหน่อออกกลายเป็นหัว เป็นไม้ตัดดอกที่ใช้กันมากในทางศาสนา เพราะมีสีขาวบริสุทธิ์ และกลิ่นหอมเย็น ไม่นิยมนำมาจัดแจกันดอกไม้ นอกจากใช้บูชาพระ ใช้ใส่แจกันหน้าแท่นบูชาศพ ซ่อนกลิ่นขึ้นได้ดีในดินร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุมาก ถ้าดินเหนียวแข็ง หรือดินน้ำท่วม ต้นจะแคระแกรนไม่แตกกอ ใบเล็กผอมยาว ช่อดอกเล็กผอมสั้น การขยายพันธุ์ ใช้วิธีแยกหัวปลูก

ดอกกุหลาบมอญ

ดอกกุหลาบมอญ
ดอกเกลื่อนดกกลาดหนักหนา
กาหลงกุหลาบกระดังงา
การะเกดกรรณิการ์ลำดวน…"
วรรณคดี : "รามเกียรติ์"
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Rosa damascema, Mill.
ชื่อสามัญ : Damask Rose, Persia Rose, Mon Rose
ชื่อวงศ์ : Rosaceae
กุหลาบมอญเป็นไม้ดอกประเภทไม้พุ่มผลัดใบ ลำต้นตั้งตรง กิ่งก้านมีหนาม พุ่มสูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร อายุยืน แข็งแรง เป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดอย่างน้อยวันละ ๖ ชั่วโมง จึงควรปลูกในที่โล่งแจ้งแต่ควรเป็นที่อับลม ขึ้นได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พอ ชอบน้ำ แต่ไม่ชอบน้ำขัง ดินจึงต้องระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศร้อนในตอนกลางวัน และอากาศเย็นในตอนกลางคืน กุหลาบมอญนี้ถือได้ว่าเป็นกุหลาบพื้นเมืองของไทย ใบเป็นใบประกอบชนิดขนนก มีหูใบ ๑ คู่ มีใบย่อย ๓ - ๕ ใบ ในก้านช่อใบหนึ่ง ๆ ใบจัดเรียงแบบสลับ ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีรอยย่นเล็กน้อย ขอบใบเป็นจักละเอียด เส้นกลางใบด้านท้องใบมีหนามห่าง ๆ ดอกมีลักษณะค่อนข้างกลม กลับดอกเรียงซ้อนกันหลายชั้น วนออกนอกเป็นรัศมีโดยรอบ ดอกมีสีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม ดอกมักออกเป็นช่อ ทางปลายกิ่ง กลีบดอกมีลักษณะปลายแหลมเรียว การขยายพันธ์ใช้วิธีตอนกิ่ง